1.ท่านเลี้ยงเรามา เราจงเลี้ยงท่านตอบ บิดา
มารดา มีพระคุณกับผู้เป็นบุตรหาประมาณมิได้ ท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็ก
ลำบากมากมาย ผู้เป็นบุตรจึงควรตอบแทนพระคุณท่าน เพราะความเป็นผู้รู้คุณเริ่มจากเดี๋ยวนี้
คือ ดูแลท่าน ไม่ว่าจะเป็นข้าว ปลา อาหาร การช่วยเหลืองานบ้านต่างๆ แทนที่ท่านจะทำ
ก็ช่วยแบ่งเบาภาระ ตามความสามารถของตนที่จะมีในเรื่องนั้น
2.จักรับทำกิจของท่าน สิ่งใดที่เป็นงานของท่าน
ทั้งในบ้านและนอกบ้าน คือ การงานของท่าน หากเราพอมีความสามารถ
แม้เพียงเล็กน้อยก็เป็นผู้ยินดีอาสาที่จะช่วยท่านเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้เป็นบิดา
มารดาที่มีภาระมากและได้เลี้ยงดูเรามา ไม่ใช่ว่าจะทำกิจของตนคือเรียนหนังสือ หรือทำงานของตนเท่านั้น
3.จักดำรงวงศ์ตระกูล การดำรงวงศ์ตระกูลของบุตร
คือ การประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีรักษาวงศ์ตระกูล เมื่อเป็นคนดี รู้จักสิ่งที่ควรหรือไม่ควร
ย่อมรักษาทรัพย์สินเงินทองของบิดามารดา ไม่ทำให้ทรัพย์สินเงินทองของท่านพินาศ ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย
เพราะนั่นเป็นทรัพย์สมบัติของท่านที่หามาได้ด้วยแรงกายแรงใจของท่าน
การไม่ตั้งใจเรียน เกเร ก็ย่อมได้ชื่อว่าไม่รักษาวงศ์ตระกูล เมื่อรักษาทรัพย์ได้ รู้จักปฏิบัติตนให้เหมาะสม
ตั้งใจเรียน ไม่เกเร ก็ได้ชื่อว่ารักษาวงศ์ตระกูลได้ ไม่ทำให้วงศ์ตระกูลเสียหาย ทั้งชื่อเสียงและทรัพย์สิน
แต่ถ้าเราประพฤติปฏิบัติตนไม่ดี ก็ทำลายวงศ์ตระกูล ทั้งชื่อเสียง คำว่าร้ายจากคนอื่นที่มีต่อบิดามารดาและวงศ์ตระกูลเรา
การรักษาวงศ์ตระกูลที่ประเสริฐสูงสุด คือ ให้บิดามารดา ออกจากวงศ์อธรรม
คือความไม่ดี ออกจากอกุศล มีความเห็นผิด ให้ตั้งอยู่ในวงศ์ของธรรม วงศ์ของความดี ที่ถูกด้วยการให้ความเข้าใจพระธรรม
ชื่อว่าเป็นบุตรที่ดำรงวงศ์ตระกูลไว้ได้อย่างสูงสุด
4.จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้สมควรรับทรัพย์มรดก
บุตรที่ทำตัวไม่ดี หรือไม่กตัญญูบิดามารดา ก็ไม่ชื่อว่าสมควรรับมรดกจากบิดามารดา แต่การทำตนเป็นคนดี
ตั้งใจเรียน ไม่เกเร รู้จักใช้จ่าย เป็นต้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้สมควรรับมรดกจากบิดามารดา
5.เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว
ทำบุญอุทิศให้ท่าน ผู้เป็นบุตรที่ดี คือ ต้องมีความกตัญญูรู้คุณของท่านไม่ว่าท่านจะมีชีวิตอยู่หรือล่วงลับไปแล้ว
เพราะเมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว สิ่งที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ก็คือการทำบุญและอุทิศส่วนกุศลไปให้